ต้องทำอย่างไร ชีวิตถึงจะดีขึ้น?

5 สิ่ง(Categories) ที่จะทำให้ชีวิตดีขึ้น ในมุมมองของผ

  • การบริหารการเงิน (Money Management)
  • การรักษาสุขภาพ (Health)
  • การพัฒนาตนเอง (Self-Development)
  • ปรัชญาชีวิต (Philosophy)
  • ครอบครัว (Family)

หากอ่านแค่หัวข้อ จริงๆ แล้วมันจะดูคล้ายกับ Wheel of Life แต่ 5 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมเรียนรู้ด้วยตัวเอง และวันนี้พอได้ลองมองกลับไป 5 ปีที่ผ่านมา
ผมค้นพบว่า 5 สิ่งนี้กลับเชื่อมโยงกันอย่างน่าตกใจ
เพราะสำหรับผมแล้ว ขาดข้อใดข้อหนึ่งไป อาจจะทำให้ชีวิตไม่มีความสุขได้เลย.

  1. การบริหารการเงิน (Money Management)
    1. ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย (set to zero)
    2. วางแผนเกษียณทางการเงิน
    3. ตั้งเป้าหมายในชีวิต
    4. ยอมรับความจริง
    5. ฝึกการควบคุมตัวเอง
    6. ความเสี่ยงในชีวิต
  2. การรักษาสุขภาพ (Health)
    1. สุขภาพไม่ใช่เรื่องของน้ำหนัก
    2. การออกกำลังกาย
    3. การนอนหรือการพักผ่อนให้เพียงพอ
    4. การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์
  3. การพัฒนาตนเอง (Self-Development)
    1. เชื่อว่าเราทำได้ และลงมือทำ
    2. ชื่นชมตัวเอง แทนการรับคำชมจากคนอื่น
    3. หมั่นฝึกฝน และไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย
    4. การอ่านคือสิ่งสำคัญที่สุด
  4. ปรัชญาชีวิต (Philosophy)
    1. เข็มทิศนำทางชีวิต
    2. เป็นตัวเอง Version ที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน
    3. จงเลือกเดินในเส้นทางที่ยากลำบาก
    4. เป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ
  5. ครอบครัว (Family)

การบริหารการเงิน (Money Management)

ต้องทำอย่างไร ชีวิตถึงจะดีขึ้น?
เป็นคำถามที่ผมถามตัวเองเมื่อเกือบ 2 ปีก่อน (Jan 2024)
ทั้งที่ตัวผมนั้นมีบ้านอยู่ มีรถขับ ได้ไปเที่ยวต่างประเทศทุกปี มีทั้ง PS5 , Nintendo Switch,
มีทั้งทีวีจอใหญ่ มี Gadget ทุกอย่างที่มันต้องมี
แต่เชื่อมั้ยครับ ว่าตอนนั้นผมไม่คิดว่าตัวเองมีชีวิตที่ดีเลย
เวลาเห็นยอดที่ต้องจ่ายทุกสิ้นเดือน ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าบัตรเครดิต (ยอดรวม 8xx,xxx THB)
จนวันนี้ (Nov 2025) ผมไม่มีหนี้บัตรเครดิตอีกแล้ว มีความสุขทุกวันและยังมี Website นี้เพื่อที่จะส่งต่อสิ่งดีดี ให้กับทุกคนที่ได้เข้ามาอ่านครับ และต่อไปนี้คือสุดยอดเคล็ดไม่ลับ ที่อยากจะบอกทุกคนที่เข้ามาอ่าน

The best measure of wealth is what you have
minus what you want.
Morgan Housel (The Art of Spending Money)

Morgan Housel ให้สัมภาษณ์ที่ช่อง Mel Robbins ที่มา Link

ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย (set to zero)

ใช่ครับ แค่ทำบัญชี ชีวิตก็เปลี่ยนไปเลย จริงๆ แล้วการทำบัญชีไม่ใช่แค่บอกว่าเรามีหนี้เท่าไหร่ แต่ทำเพื่อจะได้รู้จักตัวเองมากขึ้น ว่าเราใช้เงินไปกับเรื่องอะไร เรียนรู้พฤติกรรมตัวเองว่าเราเป็นคนอย่างไร และต้องทำอย่างไร เราถึงจะแก้ปัญหานี้ได้
*** มองเรื่องนี้เป็นปัญหา เราถึงจะแก้ไขมันได้ ***
set ชีวิตให้เริ่มต้นที่ 0 หากชีวิตติดลบ มันยากที่เราจะเดินต่อไปได้
ไม่จำเป็นต้องใช้หนี้ให้หมด ถึงจะเริ่มทำสิ่งที่อยากทำ เพราะในเมื่อเราทำบัญชีล่วงหน้า 6 – 12 เดือนหรือมากกว่านั้น แล้วเรารู้ว่าปลายทางเราจะแก้หนี้นี้ได้ หรือแม้วันนึงหนี้เราลดลง พอที่จะเหลือเงินไปใช้ชีวิตได้บ้าง ก็จงออกไปใช้ชีวิต เพื่อเติมไฟในใจของเราบ้างก็ได้

วางแผนเกษียณทางการเงิน

“จงวางแผนเกษียณการเงิน แต่อย่าเกษียณการงาน” คำพูดจากพี่หนุ่ม Money Coach
ผมเชื่อในเรื่องของการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เราสามารถเก่งขึ้นได้ทุกวัน และความเก่งของเรานั้น สามารถสร้างประโยชน์ให้กับโลกใบนี้ได้ ถ้าตัวเรามี Value รายได้ก็จะวิ่งกลับมาหาเราเองในที่สุด
การวางแผนเกษียณทางการเงินในความหมายสำหรับผมก็คือ “รู้จักพอ รู้จักว่าเราจะต้องใช้เท่าไหร่ แม้วันนึงเราจะไม่มีรายได้เลย”

ตั้งเป้าหมายในชีวิต

เป้าหมายในชีวิตคืออะไร? เป็นคำถามเชิงปรัชญา เพราะมันไม่มีคำตอบทางวิทยาศาสตร์ มันเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ Morgan housel เขียนไว้ในหนังสือ The Art of Spending Money ประโยคนึงว่า “Money is so tangible that it’s an easy goal to strive for, and pursuing it can become the path of least resistance for those who haven’t discovered what truly feeds their soul.”

“เงินเป็นสิ่งที่จับต้องง่าย และง่ายต่อการตั้งเป็นเป้าหมายหากคุณยังหาเป้าหมายทางจิตวิญญาณไม่เจอ” ลองคำนวนง่ายๆ ว่าคุณใช้เงินต่อเดือนเท่าไหร่ และหากวันนึงที่คุณไม่มีแรงจะหาเงินแล้วคุณต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ จนกว่าจะหมดลมหายใจ (ขอแนะนำว่า เผื่อเราอายุยื่นมากๆ ไปเลยเช่น 90 – 100 ปี)

แต่สำหรับเป้าหมายชีวิตของผม “คือการที่ผมได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เก่งขึ้น ทุกๆ วัน จนแม้วันนึง AI จะมาแทนที่ ผมก็จะเป็นคนท้ายๆ ที่มันจะมาแทนได้ “Eudaimonia” สโตอิก มาไง๊ 555+”

ยอมรับความจริง

ผมเห็นมนุษย์เงินเดือนส่วนมาก จะรับไม่ได้กับคำดูถูก การเปรียบเทียบ หรือจริงๆ แล้วสิ่งเหล่านี้ นี่แหละคือปัญหาที่แท้จริง ไม่ใช่ว่าเรารายได้น้อยเกินไป หรือค่าครองชีพมันสูงขึ้น แต่เป็นตัวเราเองที่ชอบนำตัวเองไปเปรียบกับคนอื่น
เชื่อว่าใครก็อยากจะมีชีวิตดีดี บางคนทนไม่ได้กับคำดูถูก บางคนเห็นคนอื่นมี ก็อยากมีบ้าง เห็นเพื่อนๆ ไปเที่ยวเราก็อยากไปบ้าง 555+ ใช่ครับ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีคำไหนที่บอกว่าจริงๆ แล้วเราต้องการอะไรเลย

ผมไม่เถียงเลย ว่าผมเองก็เคยเป็นแบบนี้ แต่มีครั้งนึงที่ผมตื่นเช้ามา ล้างหน้า แปรงฟัน และคิดได้ว่าจริงๆ แล้วทุกวันนี้ ชีวิตเราก็มีความสุขมากๆ แล้วนะมีเตียงอุ่นๆ ให้นอน มีแอร์เย็นๆ มีหนังสือให้อ่าน มีรถคันเล็กๆ ที่สามารถพาเราไปได้ทุกที่ มีบ้านหลังเล็กๆ ที่อยู่กับภรรยาสองคน พอมาคิดดูแล้วจริงๆ ชีวิตเราก็ต้องการแค่นี้แหละ

ฝึกการควบคุมตัวเอง

การอดทนอดกลั้น ฟังดูง่ายแต่ทำยาก ผมใช้วิธีที่ว่าถ้าสิ่งไหนเราต้องการมันจริงๆ รอ 7 วัน ถ้าผ่าน 7 วันมาแล้ว เรายังอยากได้มันอยู่แปลว่าเราต้องการมันจริงๆ

ความเสี่ยงในชีวิต

อยากให้เพื่อนๆ คิดว่า ทุกอย่างคือความเสี่ยง ไม่ใช่เพื่อให้ตัวเรากังวลถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ฝึกให้เราใช้ชีวิตแบบระมัดระวัง เพราะเมื่อถึงเวลาที่เรามีปัญหา เราจะผ่านมันไปได้ง่ายๆ

หนึ่งในตัวอย่างที่ผมคิดได้ คือช่วงเวลา COVID-19 ใครจะเชื่อว่าอาชีพที่ดูมั่นคง และรายได้ดี อย่างนักบินจะตกงาน หรือขาดรายได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งอาชีพที่สาวๆ ใฝ่ฝันอย่าง “แอร์โฮสเตส” ก็ขาดรายได้กันจนต้องผันตัวไปทำอาชีพอื่นกันเยอะ

การรักษาสุขภาพ (Health)

ผมเคยอ้วนมากสุดในชีวิตกว่า 83kg (2022) ตอนนั้นไม่ได้สนใจว่าใครจะมองยังไง ไม่สนเรื่องรูปร่าง เราแค่ชอบกิน เวลากินแล้วเรามีความสุข ก็แค่นั้นเอง

จนวันนึงผมเดินจากลานจอดรถ เพื่อที่จะขึ้นตึกที่ผมทำงานอยู่ ระยะทาง 200m โดยประมาณแต่ทำไม ผมรู้สึกเหนื่อยมากๆ แบบไม่เคยเป็นมาก่อนเลย จนคิดว่าไม่ได้และผมต้องทำอะไรซักอย่าง ไม่งั้นได้ตายก่อนวัยอันควรแน่ๆ

สุขภาพไม่ใช่เรื่องของน้ำหนัก

ผมเป็นหนึ่งคนที่เข้าใจผิดมาเสมอว่าแค่อดข้าว กินน้อยๆ จะทำให้น้ำหนักลดลง และสุขภาพจะดีขึ้น แต่ผิด !! ครับ
สุขภาพที่ดีเป็นเรื่องของการที่เรากินอาหารให้ครบ 5 หมู่(สมัยนี้อาหารเสริมเพียบ), นอนพักผ่อนให้เพียงพอ (6-8 ชม.), ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกาย

หลายคนเข้าใจผิดว่าคิดว่าต้องจ้างเทรนเนอร์, เข้ายิม หรือมีเวลาว่างวันละ 1-2 ชม. เพื่อที่จะมีรูปร่างดีหรือสุขภาพดีขึ้น และสำหรับบางคนอาจจะใช้สิ่งเหล่านี้ช่วยให้เรามีระเบียบวินัยหรืออาจจะเพราะเราจ่ายเงินไปแล้วเราต้องใช้ให้มันคุ้ม แต่สำหรับผมไม่ใช่เลยครับ

ผมเริ่มจากเดินในสวน, ในหมู่บ้าน แค่วันละ 2-3km ต่อวัน ไม่มีการวิ่งแม้แต่นิดเดียว ผ่านไปซัก 1 เดือนรู้สึกว่าร่างกายเราเริ่มปรับตัวได้ ผมก็เริ่มจากซื้อดัมเบลมายกตามคลิป YouTube (แนะนำช่อง Squat Couple) ออกแค่วันละ 15-30 นาทีต่อวัน 3-4 วันต่อสัปดาห์ หากิจกรรมที่สนุกและได้ออกกำลังกาย ผมก็ชวนเพื่อนๆ ตีแบด จนตอนนี้ผ่านมา 3 ปีผมลดไปได้ 15kg และไม่กลับไปขึ้นอีกเลย (จริงๆ ผ่านไป 1 ปีผมก็ลดไป 10kg แล้ว)

เริ่มจากการทำสิ่งที่เราไม่เคยทำ จนมันเป็นกิจวัตประจำวัน สร้างวินัยให้ตัวเอง บอกตัวเองว่าไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้

”การออกกำลังการที่ดีที่สุดคือแบบที่คุณอยากลุกขึ้นมาทำได้ทุกวัน“ (The Almanack of Naval Ravikant)

Naval Ravikant รูปภาพจาก Google

การนอนหรือการพักผ่อนให้เพียงพอ

ผมเป็นอีกคนที่ชอบนอนดึกมาก ชอบเล่นเกมดึกๆ บางครั้งติดซีรี่ย์ 555+ นอน ตี 1 ตี 2 (ใช่ป่าวน้า) ตื่น 7 โมง เช้ามาไม่เคยอยากลุกจากเตียงชีวิตวนเวียนแบบนี้ เป็นสิบๆ ปีตั้งแต่เริ่มทำงาน จนมาถึงปีนี้

เชื่อมั้ยครับว่าสิ่งนี้ มันสร้างผลกระทบกับตัวคุณในระยะยาว และต่อให้คุณออกกำลังกายดีแค่ไหน แต่นอนไม่ดี ก็ไม่ทำให้สุขภาพคุณดีขึ้นได้เลย ลองดูครับเปลี่ยนจากนอนดึกเป็นนอนไวขึ้น ซัก 4-5 ทุ่ม และลองตื่นตี 5 – 6 โมง ชีวิตคุณจะดีขึ้นเยอะ คุณจะมีเวลาตอนเช้าสำหรับอ่านหนังสือ ออกกำลังกาย และไม่เข้างานสายอีกต่อไป ผมได้ทดลองทำมาแล้ว 6 เดือนบอกได้เลยว่า มันดีมากจริงๆ นะ

การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์

เรื่องนี้สำหรับผมเขียนออกมายากมาก เพราะทฤษฏีเยอะไปหมดทั้ง คีโต, IF, Low carb, etc. เต็มไปหมดไรครับเนี่ย ทำไมมันดูยากจัง 555+

สำหรับผมง่ายๆ คือ เลือกกินของที่มีประโยชน์ (ประโยชน์คือ”อร่อย” เด๋ววว 555+) ผมลดของหวานครับ เลิกกินกาแฟใส่น้ำตาลหรือใส่นม พูดไปก็เหมือนกลืนเลือดตัวเอง เพราะผมเคยบอกกับคนอื่นไว้ว่า ถ้าจะกินแล้วไม่อร่อยจะกินทำไม
ตอนนี้กินกาแฟดำก็อร่อย แต่บางร้านไม่อร่อย 555+ ใช่ครับแปลว่าความอร่อยมันสร้างจากตัวเรา มันคือรสชาติที่เราคุ้นเคย แค่ลองฝืนกินอะไรที่เราไม่คุ้นเคยช่วงแรกๆ พอนานๆ ไปจะดีขึ้นเอง

การพัฒนาตนเอง (Self-Development)

“สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สามที่ผมรับรู้ว่ามันสำคัญหลังจากที่ผมทำสองเรื่องแรกได้ดีแล้ว”

ผมเชื่อในพลังแห่งการทบต้น ที่ไม่ได้เกี่ยวแค่เรื่องของการลงทุนทางการเงินอย่างเดียว
การเรียนรู้ก็สามารถทบต้นจนเรามีความรู้มหาศาลได้ ถ้าเราเรียนรู้ทบๆ กันไปเรื่อยๆ

“การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในตัวเอง Warren Buffett”

Warren Buffett : นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่

เชื่อว่าเราทำได้ และลงมือทำ

ผมเคยเชื่อว่าตัวเองไม่มีทางที่จะเก่งภาษาอังกฤษได้หรอก อย่าว่าแต่พูดเลย แค่ฟังให้รู้เรื่องก่อน ผมคิดแบบนั้นมาตลอดชีวิต จนวันที่ผมสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ ทำบัญชีได้ ออกกำลังกายได้ แล้วทำไมเรื่องนี้ผมยังไม่คิดว่าทำไม่ได้
เอาวะ !! ลองดูซักตั้ง ผมเริ่มหาข้อมูลว่าเรียนที่ไหนดี เรียนแบบไหนดี โอ้!! เยอะไปหมด หลักสูตรนั้น หลักสูตรนี้ คนนั้นเหมาะแบบนั้น คนนั้นเหมาะแบบนี้ 555+ แบบนี้เมื่อไรจะได้เริ่มซักที !!!

แค่คิดอย่างเดียวมันไม่พอ สุดท้ายต้องลงมือทำด้วย แต่สรุปคือ ผมกลัวว่าจะเสียเงินไปโดยไม่ได้อะไรกลับมาครับ แต่การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในตัวเอง (ไม่ได้ก็คิดซะว่าลงทุนในหุ้นผิดตัว 555+)
สุดท้ายผมยอมจ่ายเงินเรียน AUA 2x,xxx บาท และมันคือเงินก้อนแรกที่ผมยอมจ่ายเพื่อการศึกษา (ปกติซื้อแต่เกม แพงกว่านี้ น่าโบกจริงๆ)

สรุปแล้วผ่านมา 7 เดือนจนถึงตอนนี้ ผมสามารถฟังออก อ่านได้ ดีขึ้น ไปจนถึงเขียนและมั่นใจในการพูดมากขึ้นครับ และทุกวันนี้ผมก็ยังเรียน 1on1 ผ่าน Italki อยู่อย่างน้อย 1 ชม. ต่อสัปดาห์ครับ

“ทักษะหลายๆ อย่าง ต้องลงมือทำมากกว่าการมานั่งศึกษาหาข้อมูล” Pat Flynn (How to be better at almost everything)

ชื่นชมตัวเอง แทนการรับคำชมจากคนอื่น

ผมเชื่อว่ากำลังใจที่ดีที่สุดในการจะพัฒนาตัวเองได้ คือการชื่นชม(feedback) จนบางครั้งเราพยายามทำบางสิ่งและจะโชว์คนอื่นว่าเราทำได้ เพื่อจะหวังได้รับคำชื่นชม สำหรับผมแล้วมันผิดเลยครับ
จุดมุ่งหมายของการที่เราจะพัฒนาตัวเองก็เพื่อตัวเราเอง ไม่ใช่เพื่อใครซักคน เพราะงั้นถ้าอยากได้กำลังใจ จงชื่นชมตัวเอง หรือจะเรียกว่าอวยตัวเองก็ไม่ผิด จะหลงตัวเองบ้างก็ได้ ว่าเราก็เก่งเหมือนกันนะคร้าบบเนี่ยยยย
เหมือนที่ผมเขียนมาถึงตอนนี้ ผมเองก็เก่งเหมือนกันนะเนี่ย 5555+ จากไม่เคยคิดว่าจะทำอะไรแบบนี้ได้มาก่อน

หมั่นฝึกฝน และไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย

ไม่มีสิ่งไหนสำเร็จได้โดยง่าย สำหรับบางเรื่องเราต้องฝึกฝนไปตลอดชีวิตเลยก็มี เพราะเงินเวลาเจอสิ่งไหนที่มันยาก อย่าคิดว่าเราทำไม่ได้ แต่มันก็แค่เรายังฝึกฝนไม่มากพอ จนตั้งใจฝึกต่อไปและวันนึงเราจะผ่านมันไปได้เอง อย่างเช่นเรื่องการเรียนภาษาที่ผมเล่าให้ฟัง แต่ผมยังเรียน coding , marketing , website(ที่เขียนอยู่นี้) , data analyst และอีกมากมาย บอกเลยว่ายากสำหรับผมทุกอย่าง ที่เกิดมาไม่เคยตั้งใจเรียนเลยตั้งแต่เด็กจนโต แต่วันนี้ผมทำมันได้แล้ว ถึงแม้ว่ายังไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็ได้ลงมือทำ

“คุณไม่มีทางหาเวลาฝึกได้ ตราบใดที่คุณยังเอาแต่หาข้ออ้าง”
Pat Flynn (How to be better at almost everything)

Pat Flynn ผู้เขียนหนังสือ How to be better at (almost) Everything.

การอ่านคือสิ่งสำคัญที่สุด

ไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะเขียนเรื่องการอ่าน (ถ้าไปถามลุงๆ ป้าๆ จะรู้เลยว่าผมไม่เคยอ่าน 555+) แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่าการอ่านหนังสือคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต การอ่านคือการศึกษาทฤษฏี ที่มีอยู่ทั้งหมดในโลกใบนี้ มันคือการศึกษารูปแบบเดียวคือ “การศึกษาด้วยตัวเอง” ผมได้อ่านหนังสือดีดีที่เปลี่ยนชีวิตผมตอนนี้มากมาย ลองดูครับ เข้าร้านหนังสือลองหาหนังสือที่สนใจซักเล่ม และซื้อกลับมาอ่าน คุณอาจจะเจอหนังสือที่เปลี่ยนความคิดคุณไปตลอดกาล

“การศึกษารูปแบบเดียวที่มีอยู่จริงคือ การศึกษาด้วยตัวเอง ไม่มีใครสอนอะไรเราได้นอกจากตัวเราเองเท่านั้น” กษิดิศ สตางค์มงคล
(Life’s Missing Manual)

แอดทอย (อาจารย์ผมเอง) ที่มา : Link

ปรัชญาชีวิต (Philosophy)

“ปรัชญาบ้าบอ คอแตกอะไร ไม่เห็นช่วยไรเราได้” นี่คือสิ่งที่ผมเคยพูด เพราะผมไม่เคยชื่อเรื่องปรัชญาเลย เชื่อแต่สิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้อง ทำในสิ่งที่ใจเราอยากทำแค่นั้น

แต่พอโตขึ้น ผมกลับพบว่ามีบางสิ่งที่มันไม่สามารถหาคำตอบได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ บางเรื่องไม่มีสูตร หรือทฤษฏีอะไรที่จะหาคำตอบให้กับมันได้ อย่างเช่น

  • ความสุขคืออะไร?
  • ทำอย่างไรถึงจะมีความสุข?
  • ความรักที่แท้จริงหน้าตาเป็นแบบไหน?
  • เรามีชีวิตอยู่ไปเพื่อสิ่งใด?

เข็มทิศนำทางชีวิต

สำหรับผมแล้ว “ปรัชญา” ในความหมายของผมคือเข็มทิศในการใช้ชีวิตเลย ว่าเราอยากจะเป็นคนแบบไหนไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ผมเคยเขียนบทความนึงไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้บท Facebook ใครสนใจลองอ่านดูได้ครับ

เป็นตัวเอง Version ที่ดีขึ้นในทุกๆ วัน

ในอดีตผมมักจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับทุกๆ คน รอบๆ ตัวอยู่เสมอ และพยายามเอาสิ่งนั้นมาเป็นแรงผลักดันตัวเอง เก็บทุกคำดูถูกมาเป็นแรงขับเคลื่อน แต่ตอนนี้ผมว่าสิ่งนี้ผิดเลย เราไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใครเลย คนๆ เดียวที่เราควรจะเปรียบเทียบด้วยคือ “ตัวเราเอง” ตัวเราในวันนี้ดีกว่าเมื่อวานหรือเปล่า สิ่งที่เราทำวันนี้จะทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้นหรือไม่

“มีคนเดียว ที่จะห้ามให้เราไม่เก่งขึ้นได้เลย คือ ตัวเราเอง”
(Toy DataRockie)

จงเลือกเดินในเส้นทางที่ยากลำบาก

หนึ่งในปรัชญา Stoic ที่ผมได้เรียนรู้ในช่วงนี้ ความหมายตรงตัว “ถ้าเราเลือกเดินทางที่ยากลำบากในวันนี้ อนาคตเราจะมีชีวิตที่ดีขึ้นเลย” ถ้าเราเลือกจะตื่นแต่เช้า มาอ่านหนังสือ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อนาคตเราเก่งขึ้นมากๆ เลย แม้แต่ AI ก็อาจจะมาแทนที่เราไม่ได้”

Comfort is a Cage. The Obstacle is The Way.
(Stoic Philosophy) From DataRockie

Ryan Holiday ที่มา Link

เป็นผู้ให้มากกว่าผู้รับ

ผมรู้ตัวเองดีครับ ว่าในอดีตใช้ชีวิตโดยไม่สนใจอะไร หรือใครเลย ไม่เป็นแม้แต่ผู้รับ ไม่ต้องพูดถึงการเป็นผู้ให้ มีความเชื่อแค่ว่าทุกคน ต้องพึ่งพาตัวเองก่อนเสมอ

ผมพึ่งมาคิดเรื่องนี้ได้ไม่นานนี้เองครับ ว่าจริงๆ แล้วผมเองก็เคยเป็นผู้รับมาก่อน จากหลายๆ คนที่มอบให้ เพราะว่าการให้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินทอง(การบริจาค) แต่การให้สามารถมีได้หลายรูปแบบ เช่นการให้ความรู้, การให้คำสอนดีดี, และอีกมากมาย โดยไม่ต้องไปผูกกับเรื่องของผลประโยชน์

ตอนนี้ผมบอกกับตัวเองว่าจะฝึกการเป็นผู้ให้ มากกว่าผู้รับ อย่างน้อยจะมาแชร์หนังสือดีดี ข้อคิดดีดี ให้กับคนอื่น โดยหวังว่าสิ่งที่ผมเขียนหรือแชร์จะช่วยให้ใครบางคนมีชีวิตที่ดีขึ้นตามชื่อเพจนี้ “Help Me be better”

ครอบครัว (Family)

ข้อสุดท้ายสำหรับผมคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะว่าต่อให้เรามีเงินมากมายแค่ไหน มีสุขภาพที่แข็งแรง เป็นคนเก่ง หรือเป็นคนดี แต่ถ้าขาดคนที่เรารัก ชีวิตจะไปมีความหมายอะไร

ขอบคุณภรรยา(Rose)ที่คอยสนับสนุน, อยู่เคียงข้างกันและเชื่อมั่นในสิ่งที่ผมทำ
ขอบคุณอาม่าที่เลี้ยงดูหลานคนนี้มาจนเติบโตและคำสอนดีดีมากมาย

Warren Buffett—one of the richest men in history, who could literally buy anything he wanted—once said, “When you get to my age, you’ll really measure your success in life by how many of the people you want to have love you actually do love you.”

“ความสำเร็จที่แท้จริงคือ การมีคนที่เรารัก และเค้ารักเราเหมือนกัน”

ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคนที่เรารัก เค้ารักเรา (ขอบคุณภาพสวยๆ จาก Gemini)

สรุป 5 ข้อสำคัญ ที่ได้จากประสบการณ์ของผม

  1. ตั้งเป้าหมายของตัวเองให้ชัดเจน ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข
  2. ให้เชื่อว่าทุกนิสัย(วินัย) เราสามารถฝึกฝนให้มันดีขึ้นได้
  3. อ่าน(เรียน) ในสิ่งที่เรายังไม่รู้ เผื่อว่าวันนึงเราจะเจอเป้าหมายที่แท้จริง
  4. ลงมือทำและแบ่งปันสิ่งดีดีให้กับผู้อื่น
  5. ครอบครัว(คนรัก) คือสิ่งสำคัญที่สุดในการก้าวไปข้างหน้า

PS1. หากใครชอบบทความ Comment มาพูดคุยกันได้นะครับ ชอบไม่ชอบยังไง Feedback กันมาได้นะครับ ผมจะอ่านทุกคำติชม เพื่อไปปรับปรุงให้บทความต่อไปดียิ่งขึ้นครับ

PS2. บทความต่อไปผมจะเขียนสิ่งที่ผมได้เรียนรู้มา และมาแชร์ให้กับทุกคนนะครับ โดยจะแบ่งหัวข้อตาม 5 Categories นี้ครับ

หวังว่าสิ่งนี้ จะช่วยให้คุณดีขึ้นในทุกๆ วัน

แชร์บทความ ส่งต่อเรื่องดีดี 😍
3

Comments

3 responses to “ต้องทำอย่างไร ชีวิตถึงจะดีขึ้น?”

  1. help.me.be.better Avatar

    อ่านจบแล้ว feedback หรือมาแลกเปลี่ยนความรู้กันได้นะครับ

    ขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาอ่านจนจบครับ

    Like

  2. Rose Navintham Avatar
    Rose Navintham

    รออ่าน EP ถัดไปนะคะ ✌🏼

    Like

    1. help.me.be.better Avatar

      ขอบคุณมากๆ ครับ รอติดตามได้เลยครับ

      Like

Leave a comment